มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง
(Colorectal Cancer, CRC)

- มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงเป็นมะเร็งที่พบบ่อยและพบได้ทั่วโลก พบผู้ป่วยใหม่กว่าปีละ 1.8 ล้านราย และเสียชีวิตถึง 861,000 ราย ในปี 2018 ตามรายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) จึงเป็นมะเร็งชนิดหนึ่งที่ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ เนื่องจาก
3rd
- เป็นมะเร็งที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตมาก
- เป็นอันดับ 3 ทั่วโลก
4th
- พบบ่อยมากเป็นอันดับ 4 ทั่วโลก
50 years
- ความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง
- ลำไส้ใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจาก
- อายุ 50 ปี
ทำไมการตรวจพบมะเร็งลำไส้ใหญ่ในระยะเริ่มต้นถึงทำได้ยาก?
มะเร็งลำไส้ใหญ่ในระยะเริ่มต้นมักจะไม่แสดงสัญญาณหรืออาการที่ชัดเจน ซึ่งอาการในระยะแรก ๆ ที่พบบ่อย ได้แก่ ปวดท้อง พฤติกรรมการขับถ่ายเปลี่ยนไป ลักษณะอุจจาระเปลี่ยนไป และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งยากที่ผู้ป่วยจะสังเกตความผิดปกติเหล่านี้ จึงเข้ารับการตรวจวินิจฉัยล่าช้า


ทำไมการตรวจพบมะเร็งลำไส้ใหญ่
ในระยะเริ่มต้นถึงทำได้ยาก?
มะเร็งลำไส้ใหญ่ในระยะเริ่มต้นมักจะไม่แสดงสัญญาณหรืออาการที่ชัดเจน ซึ่งอาการในระยะแรก ๆ ที่พบบ่อย ได้แก่ ปวดท้อง พฤติกรรมการขับถ่ายเปลี่ยนไป ลักษณะอุจจาระเปลี่ยนไป และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งยากที่ผู้ป่วยจะสังเกตความผิดปกติเหล่านี้ จึงเข้ารับการตรวจวินิจฉัยล่าช้า


ใครควรตรวจคัดกรอง
มะเร็งลำไส้ใหญ่?
- • ผู้มีอายุมากกว่า 40 ปี
- •เป็นโรคลำไส้เรื้อรัง
- •มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้
- •รับประทานเนื้อแดงและอาหารสำเร็จรูปเป็นประจำ เป็นต้น
- •เป็นโรคอ้วน
- •ดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่เป็นประจำ
วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ในปัจจุบัน

การตรวจลำไส้ใหญ่แบบส่องกล้อง (Colonoscopy)
แนะนำให้ตรวจทุกๆ 5 ปี ในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง และทุกๆ 10 ปีในผู้ที่มีความเสี่ยงปกติ
ข้อดี
- • มีความไวและความแม่นยำสูง
- •สามารถตัดติ่งเนื้อ Polyps ที่สงสัย ออกมาตรวจทางห้องปฏิบัติการได้ในระหว่างการส่องกล้อง
ข้อเสีย
- • เป็นการตรวจโดยวิธีรุกล้ำ
- •ต้องตรวจกับแพทย์ในโรงพยาบาลหรือคลินิกเฉพาะทางเท่านั้น
- •มีค่าใช้จ่ายสูง
- • ต้องงดอาหารบางชนิด
- •ต้องสอดกล้องเข้าไปในลำไส้ทางทวารหนัก
- •มีการให้ยาระงับประสาทหรือดมยาสลบ

การตรวจหาเลือดแฝงในอุจจาระ
(Fecal Occult Blood)
แนะนำให้ตรวจ 1-3 ปี/ครั้ง
ข้อดี
- • เป็นการตรวจโดยวิธีไม่รุกล้ำ
- •ราคาถูก
- •สามารถเก็บอุจจาระที่บ้านได้ด้วยตนเอง
ราคาถูก
- • มีความไวในการตรวจพบระยะก่อนมะเร็งต่ำ เพียง 73%
- •อาจเกิดผลลบลวงในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ ที่ไม่มีแผลเลือดออก

การตรวจความผิดปกติของ DNA-Methylation
แนะนำให้ตรวจ 2-3 ปี/ครั้ง
ข้อดี
- • เป็นการตรวจโดยวิธีไม่รุกล้ำ
- •มีความไวสูงในการตรวจพบมะเร็งลำไส้สูงถึง 87%
- •สามารถตรวจพบ DNA ที่ผิดปกติได้ แม้จะยังไม่มีรอยโรค
- •สามารถเก็บอุจจาระที่บ้านได้ด้วยตนเอง
ข้อเสีย
- • ราคาสูงกกว่าการตรวจด้วย FIT/FOBT Test (แต่ราคาถูกกว่าการส่องกล้องที่ลำไส้ใหญ่)